FAQ - คำถามที่พบบ่อย

ไวน์ มีกี่ประเภท ?

สามารถแยกประเภทไวน์ได้ออกเป็นหลายชนิดหลัก ๆ ได้แก่

  1. Red Wine หรือ ไวน์แดง มีลักษณะเป็นน้ำสีดำเข้มปนม่วง ซึ่งเป็นสีตามปกติของไวน์นั้น จะมีสีม่วงเข้ม และ จะออกเป็นสีน้ำตาล ถ้าเป็นไวน์เก่าเก็บ การที่ไวน์มีลักษณะเป็นสีม่วงเป็นผลมาจากส่วนผสมหลักคือน้ำองุ่น ส่วนสีแดง มาจากการนำมันมาผสมเข้ากับเข้าสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่มีอยู่มากบนผิวขององุ่นนั่นเอง
  2. Aromatised Wine ไวน์สมุนไพร เป็นไวน์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างน้อย 14.5% โดยสามารถมีได้สูงสุดถึง 22% โดยการควบคุมทางกฎหมายของ EU law Council Regulation (EEC) ผู้ผลิตรายใหญ่มีฐานผลิตอยู่ในฝรั่งเศษ และ อิตาลี แต่ก็ยังมีฐานผลิตเล็ก ๆ ของบริษัทอื่น ๆ ทั่วไปในบางพื้นที่ ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
  3. Fortified Wine ไวน์กลั่น เป็นไวน์ที่ผ่านการหมักมาอย่างดี และมีการเพิ่มส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ หรือ บรั่นดี ซึ่งมันจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงกว่าเทเบิลไวน์ปกติประมาณ 14.5 – 22% ซึ่งเป็นค่าตัวเลขสำหรับแอลกอฮอล์ที่สามารถมีได้สูงสุด ที่กฎหมายจะยอมรับได้
  4. Sparkling Wine ไวน์ฟอง มีส่วนผสมของคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้ไวน์มีฟองและซ่า อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยแชมเปญก็จัดเป็นไวน์ฟองชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นไวน์ราคาแพงในฝรั่งเศส โดยส่วนใหญ่ไวน์ฟองจะมีสีขาว แต่มีบางชนิดที่เป็นสีแดงอยู่ด้วย นิยมใช้ในงานเฉลิมฉลอง แสดงความยินดี
  5. White Wine เป็นไวน์องุ่นขาวที่ไร้การแต่งเติมสีใด ๆ ทั้งสิ้น โดยใช้ส่วนผสมหลักคือ องุ่นขาว แต่บางชนิดมีการนำองุ่นแดงมาใช้แทน โดยจะมีตั้งแต่สีขาวนวล สีเหลืองอำพัน จนไปถึงสีทอง โดยไวน์องุ่นขาวมีประวัติย้อนไปถึงสองพันห้าร้อยปีก่อนเลยทีเดียว มันเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของชาวอาณานิคมทั่วโลกใน ขณะนั้น ตั้งแต่ชาวยุโรป จนไปถึงชนเผ่าต่าง ๆ

การเลือกไวน์ ?

สามารถแยกประเภทไวน์ได้ออกเป็นหลายชนิดหลัก ๆ ได้แก่

  1. Red Wine หรือ ไวน์แดง มีลักษณะเป็นน้ำสีดำเข้มปนม่วง ซึ่งเป็นสีตามปกติของไวน์นั้น จะมีสีม่วงเข้ม และ จะออกเป็นสีน้ำตาล ถ้าเป็นไวน์เก่าเก็บ การที่ไวน์มีลักษณะเป็นสีม่วงเป็นผลมาจากส่วนผสมหลักคือน้ำองุ่น ส่วนสีแดง มาจากการนำมันมาผสมเข้ากับเข้าสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่มีอยู่มากบนผิวขององุ่นนั่นเอง
  2. Aromatised Wine ไวน์สมุนไพร เป็นไวน์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างน้อย 14.5% โดยสามารถมีได้สูงสุดถึง 22% โดยการควบคุมทางกฎหมายของ EU law Council Regulation (EEC) ผู้ผลิตรายใหญ่มีฐานผลิตอยู่ในฝรั่งเศษ และ อิตาลี แต่ก็ยังมีฐานผลิตเล็ก ๆ ของบริษัทอื่น ๆ ทั่วไปในบางพื้นที่ ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
  3. Fortified Wine ไวน์กลั่น เป็นไวน์ที่ผ่านการหมักมาอย่างดี และมีการเพิ่มส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ หรือ บรั่นดี ซึ่งมันจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงกว่าเทเบิลไวน์ปกติประมาณ 14.5 – 22% ซึ่งเป็นค่าตัวเลขสำหรับแอลกอฮอล์ที่สามารถมีได้สูงสุด ที่กฎหมายจะยอมรับได้
  4. Sparkling Wine ไวน์ฟอง มีส่วนผสมของคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้ไวน์มีฟองและซ่า อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยแชมเปญก็จัดเป็นไวน์ฟองชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นไวน์ราคาแพงในฝรั่งเศส โดยส่วนใหญ่ไวน์ฟองจะมีสีขาว แต่มีบางชนิดที่เป็นสีแดงอยู่ด้วย นิยมใช้ในงานเฉลิมฉลอง แสดงความยินดี
  5. White Wine เป็นไวน์องุ่นขาวที่ไร้การแต่งเติมสีใด ๆ ทั้งสิ้น โดยใช้ส่วนผสมหลักคือ องุ่นขาว แต่บางชนิดมีการนำองุ่นแดงมาใช้แทน โดยจะมีตั้งแต่สีขาวนวล สีเหลืองอำพัน จนไปถึงสีทอง โดยไวน์องุ่นขาวมีประวัติย้อนไปถึงสองพันห้าร้อยปีก่อนเลยทีเดียว มันเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของชาวอาณานิคมทั่วโลกใน ขณะนั้น ตั้งแต่ชาวยุโรป จนไปถึงชนเผ่าต่าง ๆ